ผู้ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

ริมโขงเมืองบึงกาฬ

 




วันนี้เราก็จะพาทุกคนมาเดินเล่นชิลๆที่ริมโขงเมืองบึงกาฬ

ลานสาธารณะบนถนนเลียบชายโขง สามารถมาเดินเที่ยวชมธรรมชาติริมแม่น้ำโขง สัมผัสบรรยากาศดีๆ ลมพัดเย็นๆ ในยามเช้าจะมีพระอาทิตย์ขึ้นเป็นวิวที่หลายคนนิยมมาถ่ายรูปกัน จะเห็นชาวบึงกาฬมาเดิน มาวิ่ง ออกกำลังกาย ตักบาตร เล่นเครื่องออกกำลังกาย และช่วงเย็นจะมีผู้คนมาปั่นจักรยานเล่น พร้อมชิมของอร่อยๆ ได้ทั้งร้านอาหารริมโขง หรือมานั่งชมวิวแม่น้ำโขงที่กั้นระหว่างไทย-ลาว กับวิวสวยๆ แสงยามเย็น ปูเสื่อทานอาหารสตรีทฟู้ดส์นั่งริมโขง ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ 

ตอนกลางคืนยังมีถนนคนเดินริมโขงบึงกาฬ ตลาดต้องชม เป็นอีกแหล่งช้อปปิ้งที่สร้างสีสันได้ไม่น้อยเลยทีเดียวในยามค่ำคืน

ตั้งอยู่บนถนนข้าวเม่า ริมแม่น้ำโขง หน้าเทศบาลตำบลบึงกาฬ แถมบรรยากาศก็ดี เดินไม่ร้อนเย็นสบาย ของกินเรียงรายแบบเยอะมาก ของใช้ ของฝาก ก็เยอะแบบชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียว ของกินราคาไม่แพง ของพื้นถิ่นก็มีมากมาย

ตลาดต้องชม ถนนข้าวเม่าริมโขง ณ บึงกาฬ เปิดจำหน่ายทุกวันศุกร์และเสาร์ของทุกสัปดาห์ 

เวลา 15.00 น. - 20.00 น. 


และที่พลาดไม่ได้เลยคืองานใหญ่ประจำจังหวัดบึงกาฬ " งาน12ปี เปิดประตูสู่นครนาคา ออกพรรษาบึงกาฬ "

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคมนี้

พบศิลปินดารามากมายที่จะมามอบความสุขให้ทุกคน อย่าลืมมากันเยอะๆนะคะ


วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2566

ศาลเจ้าแม่สองนาง

 



ศาลเจ้าแม่สองนาง

ตั้งอยู่ริมถนนเจ้าแม่สองนาง หน้าโรงพยาบาลบึงกาฬ เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนกราบไหว้บูชาและขอพรให้เจริญรุ่งเรือง โดยปกติประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงจะเสียชีวิตในลำน้ำโขงปีละหลายคน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการกระทำของเทพเจ้าทางน้ำ ชาวบ้านจึงจัดพิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนางเพื่อความเป็นสิริมงคลและคุ้มครองผู้ที่ประกอบอาชีพทางน้ำให้รอดพ้นจากภยันตราย มีพิธีบวงสรวงใหญ่ในช่วงเดือน 6 ของทุกปี

เจ้าแม่สองนางเป็นศาลอันศักดิ์สิทธิ์ ทั่วสารทิศผู้คนไปมาได้กราบไหว้บูชา ขอพรให้เจริญรุ่งเรือง บริเวณที่สร้างศาลเจ้าแม่สองนางปัจจุบันแต่ก่อนมีต้นพุทราอยู่สองต้นลูกดก ทางราชการต้องการย้ายศาลเจ้าแม่สองนางไปที่อื่น พอไปดูทางโหราศาสตร์ แล้วบอกว่า ย้ายไม่ได้ขออยู่ที่เดิม เพราะมองเห็นแม่น้ำโขงตลอดทั้งปี 


ประวัติความเป็นมา ผู้เรียบเรียงประวัติของเจ้าแม่สองนางได้เขียนได้ดังนี้ ตามที่ได้รับฟังคำบอกเล่าจากผู้เฒ่ามาคือ พ่อตู้จ้ำนาค สุริยะกาญจน์ (จ้ำ หมายถึง คนดูแลศาลเจ้า) และพ่อตู้เฮือง ผิวเฟื่อง เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2137 เกิดศึกฮ่อ ได้ขับไล่คนไทยออกจากลุ่มแม่น้ำโขง ลงมาทางตอนใต้ พวกเผ่าพันธุ์ไทยเดิมก็อพยพลงมาตามแม่น้ำโขง มาปักหลักอยู่หลายแห่ง แบ่งกันอยู่คนละมุมตามลุ่มแม่น้ำโขง ในช่วงอพยพลงมาพ่อตู้พรม ก็ได้เสียเมียรักไปด้วยโรคอหิวา ในกลางทาง เหลือแต่ลูกสาวสองคน คือ นางสมสี และนางบัวลี จึงเดินทางต่อลงมาในเขตชัยบุรี (อ.บึงกาฬ ปัจจุบัน) พ่อพรมเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า ก็ไปอยู่ดอนหอทุ่ง (กุดทิง ปัจจุบัน) ให้ลูกสาวสองคนอยู่ที่หนองบึงกาฬ แต่สองคนไม่ยอมแต่งงานขออยู่เป็นโสดตลอดไป ต่อมาผู้เป็นพ่อก็เสียชีวิตลง ลูกทั้งสองก็เอาศพไว้ ณ ที่ดอนหอทุ่ง สองคนพี่น้อง นางสมสี และนางบัวลี ก็ล้มป่วยลง เพราะกำพร้าพ่อแม่ จึงได้เอาสุสานไปเก็บไว้บริเวณบ้านของตู้จารย์มา ต้นหาบึ้ง (ที่ธนาคารกสิกรไทย) หลังจากนั้นมา เมื่อปี 2498 ได้ย้ายศาลมาอยู่ที่มุมทางเข้า รพ. ปัจจุบัน และได้ย้ายศาลเจ้าแม่สองนางมาอยู่ที่ปัจจุบัน จนทุกวันนี้

เปิดทุกวัน

07:00-21:00




ที่อยู่ 


ถนนประสาทชัย เมืองบึงกาฬ, บึงกาฬ 


https://maps.app.goo.gl/jMfUiuHcCt8dwEeD8

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566

น้ำตกถ้ำพระ อ.เซกา จ.บึงกาฬ

 




น้ำตกถ้ำพระ อ.เซกา จ.บึงกาฬ 


น้ำตกถ้ำพระ หรือน้ำตกภูถ้ำพระ จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกหนึ่งที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว น้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกจากผาหินขนาดใหญ่ น้ำจากตัวน้ำตกถ้ำพระไหลลงมาบนลานหินโล่งกว้างขนาดใหญ่และสวยงาม กว้างประมาณ 100เมตรลานหินน้ำตกถ้ำพระจึงกลายเป็นแหล่งเล่นน้ำที่เหมือนสวนน้ำขนาดใหญ่ ที่มีน้ำปริมาณมหาศาล รวมถึงมีความใสมาก นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก การเข้าไปน้ำตกถ้ำพระ

มีเรือให้บริการไปเที่ยวน้ำตกถ้ำพระ มี2ท่าเรือให้ขึ้นเป็นเรือรับส่งเหล็กขนาดใหญ่ เป็นเรือเหล็ก และวิ่งวนรับส่งผู้โดยสารตลอดทั้งวัน 

ราคาค่าโดยสาร ผู้ใหญ่50 เด็ก 30

ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 10 นาทีก็จะถึง ทางเข้าน้ำตกจากนั้นเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร น้ำตกถ้ำพระมีน้ำเยอะตลอดปี มีเพียงแค่ 2 เดือน คือ มีนาคมและเมษายนที่น้ำน้อย ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวตลอดปี 


ที่ตั้ง : น้ำตกถ้ำพระ บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ 


เปิดปิดเวลา: 08.00-16.30 น.

https://g.co/kgs/f3zNte

วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2566

งานประจำปีจังหวัดบึงกาฬ

 





งานใหญ่ประจำปี ของจังหวัดบึงกาฬ หนึ่งปีมีครั้ง 

งานแข่งเรือประจำปี

จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-10 กันยายน 2566

ณ ถนนเลียบริมโขง บริเวณหน้าเทศบาลเมืองบึงกาฬ ปีนี้จัดยิ่งใหญ่เช่นเดิม ทั้งร้านค้าคาราวาน คอนเสิร์ตจากหลากหลายศิลปินดังมาอย่างคับคั่ง


ส่วนการแข่งพายเรือยาว จะมีช่วงวันที่ 8-10 กันยายน 2566


วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566

วัดเจติยาศรีวิหาร หรือ วัดภูทอก   



 
วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาเที่ยวที่ บึงกาฬ กับสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็น วัดสวย แต่ต้องบอกก่อนว่า คนที่จะมาเที่ยวที่นี่ได้นั้น จะต้องไม่กลัวความสูง หรือไม่ก็มีความกล้าแบบสุดๆ เลยนะคะ เพราะเราจะไปวัดที่อยู่บน ภูทอก อย่าง วัดภูทอก หรือ วัดเจติยาคีรีวิหาร วัดที่มีทางเดินริมหน้าผา สุดเสียวว เป็นที่เที่ยวที่ต้องมาสักครั้งในชีวิตแห่งนี้นั่นเอง

ภูทอก เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาศรีวิหาร หรือ วัดภูทอก ตั้งอยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จังหวัดบึงกาฬ โดยมี พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งคำว่า ภูทอก ในภาษาอีสานนั้น แปลว่า ภูเขาโดดเดี่ยว ที่นี่จะมีภูเขาอยู่ 2 ลูก ด้วยกัน คือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย ส่วนที่สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่จะอยู่ห่างออกไป และยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมค่ะ  


 



จุดเด่นของ วัดภูทอก ก็คือ สะพานไม้ และบันไดรอบๆ ภูทอก ที่จะใช้แค่เพียงบันได วนไปมา แบบ 360 องศา  มีทั้งหมดกว่า 7 ชั้น ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี โดยบันไดแต่ละชั้นจะแตกต่างกันไป จากชั้น 3 ถึง ชั้น 6 จะสามารถเดินเวียนรอบได้ ส่วนชั้นที่ 5 ถึง ชั้น 7 จะจัดให้เป็นแดนสวรรค์ ที่ต้องสำรวมระวังกาย วาจา และหรือสวดมนต์ไปด้วย ซึ่งว่ากันว่าจะได้บุญนั่นเอง

ทำให้ที่ วัดภูทอก กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือ การท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญ นั่นเอง คือนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ นอกจากจะได้เที่ยวชมธรรมชาติแล้ว ก็ยังได้ศึกษาพุทธศาสนาไปพร้อมๆ กันอีกด้วย


  


ส่วนของไฮไลท์ วัดภูทอก นั้น จะอยู่ที่ชั้นที่ 6 เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดเลย ตลอดทางเดินจะเป็นหน้าผายื่นออกมา บางครั้งต้องเดินเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย ต้องบอกเลยค่ะว่าเสียวสุดๆ มีขาสั่นๆ กันอย่างแน่นอน โดยหน้าผาแต่ละจุดก็จะมีชื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผาเทพนิมิตร ผาเทพสถิต ผาหัวช้าง เป็นต้นค่ะและในช่วงฤดูหนาว ภูทอก จะมีทะเลหมอกอยู่รอบๆ  ทำให้เหมือนกับอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียว จากชั้นที่ 6 ขึ้นสู่ชั้นที่ 7 นั้น จะเป็นสะพานไม้ วนรอบเขายาว 400 เมตร อยู่ริมหน้าผา บอกเลยว่าจุดนี้ ทั้งสูงและชัน น่าหวาดเสียวมากๆ  โดยจะมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ปากทางเข้าเมืองพญานาค ที่จะอยู่หลังพระปางนาคปรก จะมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ชาวบ้านจะเชื่อกันว่าเป็น รอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาค สัมผัสเข้ากับหิน



• ที่อยู่ : บ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ 


• พิกัด : https://goo.gl/maps/eb13fwajE5dZnTdx6   


• เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.00 น.
 

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566

วัดโพธาราม หรือ วัดท่าไคร้ 

 




วัดโพธาราม หรือ วัดท่าไคร้ 
เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปที่มีความสำคัญ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบึงกาฬ คือ หลวงพ่อพระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ ศอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว (๕ ฟุต ๔ นิ้ว) ความสูง ๓ ศอก ๑ คืบ (๗ ฟุต) ศิลปะสมัยล้านช้าง เป็นพระพุทธรูปโลหะที่มีการฉาบปูนโอบไว้ ภายหลังได้ทาสีทองทับเพื่อป้องกันองค์พระชำรุด เนื่องจากมีการสรงน้ำองค์หลวงพ่อพระใหญ่เป็นประจำทุกปี
ปัจจุบันโบสถ์วัดโพรารามที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใหญ่กำลังอยู่ในช่วงการบูรณะ โบสถ์แห่งนี้ให้เฉพาะผู้ชายเข้าได้เท่านั้น ส่วนผู้หญิงให้กราบไหว้สักการะบูชาที่หน้าโบสถ์
ภายในวัดยังมีเรือกำปั่นโบราณ และไม้ตะเคียนทอง ที่มีผู้คนมาขอโชคลาภมากมาย 

วันเวลาเปิดปิด
เปิดทุกวันจันทร์-อาทิตย์ 
เวลา08:00-18:00 


พิกัด
หมู่ 5 บ้านท่าไคร้ บึงกาฬ เมืองบึงกาฬ บึงกาฬ 43140
https://maps.app.goo.gl/9V4aL49YhCVU61eU9

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566

วัดอาฮงศิลาวาส

 




วัดอาฮงศิลาวาส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดบึงกาฬ  ด้วยเหตุที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงเป็นแนวโค้งยาวประกอบกับมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพญานาค ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาที่วัดอาฮง และแก่งอาฮง อย่างไม่ขาดสาย

มีความเชื่อกันว่าบริเวณหน้าวัด คือ จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงซึ่งมีความลึก 200 เมตร บริเวณนี้จะมีน้ำจะไหลเชี่ยววนจนเป็นหลุมรูปกรวย หากมีพวกเศษไม้ ใบไม้หรือวัตถุเล็กๆ ติดอยู่จะถูกกระแสน้ำหมุนวนเป็นรูปกรวยประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงหลุดเคลื่อนไปในที่อื่น เมื่อมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาอีกก็จะต่อตัวเป็นรูปกรวยขึ้นมาใหม่เกิดสลับกันไปตลอดทั้งวัน จึงทำให้เชื่อว่าที่นี่คือ จุดที่เป็น สะดือแม่น้ำโขง ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี สามารถมองเห็นแก่งอาฮง แก่งหินกลางลำน้ำโขงปรากาฎขึ้นมาเหนือน้ำ กลุ่มหินมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย

ภายในวัดยังมีวิหารพระพุทธชินราช วิหารหลวงพ่อสุโขทัย  และลานหินธรรมชาติ รวมถึงเจดีย์พระบรมธาตุอาฮง ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงสวยงามมองเห็นโดดเด่นจากริมถนนอีกด้วย 


ที่ตั้ง

หมู่ 3 ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ

38000

วันเวลาเปิด-ปิด

เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 06:00-18:00

https://maps.app.goo.gl/ZX898LcJgtHam7KR7

ริมโขงเมืองบึงกาฬ

  วันนี้เราก็จะพาทุกคนมาเดินเล่นชิลๆที่ริมโขงเมืองบึงกาฬ ลานสาธารณะบนถนนเลียบชายโขง สามารถมาเดินเที่ยวชมธรรมชาติริมแม่น้ำโขง สัมผัสบรรยากาศด...